การผ่านแดน ณ
จุดผ่านแดนถาวร
จุดผ่านแดนอนุญาตระหว่างจังหวัดอุบลราชธานี
กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามความตกลง
ในการข้ามแดนทั้ง 2 ประเทศ คือด่านช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
กับด่านวังเต่า เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ด่านปากแซง กิ่ง อ.นาตาล
กับด่านปากตะพาน เมืองละคอนเพ็ง แขวงสาละวัน
ระเบียบการข้ามแดน
ด่านพรมแดนช่องเม็ก และด่านปากแซง (ไทย-สปป.ลาว)
สำหรับนักท่องเที่ยว
และบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่ชายแดน
จังหวัดอุบลราชธานี สามารถยื่นเรื่องขอทำบัตรผ่านแดนชั่วคราว
ได้ดังนี้
1 ยื่นเรื่องขอทำ บัตรผ่านแดนชั่วคราว ได้ ณ
สถานที่ต่อไปนี้
- ที่ทำการปกครองจังหวัดอุบลราชธานี (ฝ่ายความมั่นคง) ชั้น 2
ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี หรือ ณ ที่ว่าการอำเภอสิรินธร
ด่านพรมแดนช่องเม็ก เวลาทำการ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลาราชการ
ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์ หากไม่พบเจ้าหน้าที่
ที่ศาลากลางจังหวัด ให้ติดต่อ คุณมงคลชัย พิพัฒน์สิริเมธี โทร.
01-7906254 หรือที่ ที่ว่าการอำเภอสิรินธร โทร. 045-366092
2 เอกสาร/หลักฐาน
- รูปถ่ายขนาด 1 หรือ 2 นิ้ว จำนวน 3 รูป รูปถ่ายหน้าตรง
ไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นดำ ถ่ายมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน
- บัตรประชาชน (ไม่หมดอายุ) พร้อมสำเนา และรับรองสำเนา จำนวน 3
แผ่น ถ้าเป็นบัตรเหลือง ต้องแนบสำเนาบัตรเดิม
หรือให้นายทะเบียนท้องที่รับรองรูปถ่ายในบัตรเหลือง
กรณีนำบุตรอายุต่ำกว่า 12 ขวบ ร่วมเดินทางไปด้วย
ให้ใช้สูจิบัตรของบุตร พร้อมสำเนา และรับรองสำเนา 2 แผ่น
- ค่าธรรมเนียม 30 บาท/เล่ม
3 หมายเหตุ
- ยื่นเรื่องแล้ว สามารถรอรับหนังสือผ่านแดนชั่วคราวได้เลย
- พำนักและท่องเที่ยวใน สปป.ลาว ได้ 3 วัน 2 คืน
ในพื้นที่แขวงจำปาสักทั้งแขวง และแขวงสาละวัน (เฉพาะเมืองสาละวัน,
คอนพะเพ็ง, วาปี, เซโดน, เลางาม และตุ้มลาน)
ต้องเข้าและออกที่ด่านเดิมเท่านั้น (ด่านช่องเม็กและด่านปากแซง)
โดยยื่นหนังสือผ่านแดน, หนังสือผ่านแดนชั่วคราว ที่ด่าน ตม.
ที่ประสงค์จะข้ามเลย
- สำหรับผู้ที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี (อำเภอเขมราฐ,
โพธิ์ไทร, โขงเจียม, สิรินธร, บุณฑริก, นาจะหลวย, ศรีเมืองใหม่
และน้ำยืน) สามารถยื่นเรื่องขอ หนังสือผ่านแดน ได้ที่
ที่ว่าการอำเภอที่ตนมีภูมิลำเนาอยู่
- หนังสือผ่านแดนนี้ จังหวัดอุบลราชธานี
จะออกให้เฉพาะบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ที่มีภูมิลำเนา
อยู่ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเท่านั้น
สำหรับหนังสือผ่านแดนที่มีอายุใช้งานไม่เกิน 1 ปี ใช้หลักฐาน/เอกสาร
และระเบียบการ เช่นเดียวกันกับหนังสือผ่านแดนชั่วคราว
ยกเว้นจะมีค่าธรรมเนียม 200 บาท ข้าราชการที่จะเดินทางผ่านแดน
ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีเจ้าสังกัด
4 ระเบียบปฏิบัติ ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
- ไปท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ เสียค่าธรรมเนียมผ่านแดนลาว คนละ
125 บาท
- ติดต่อธุรกิจการค้า เสียค่าธรรมเนียมผ่านแดนลาว คนละ 220
บาท
- วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ
เสียค่าพาหนะที่พรมแดนไทย คันละ 500 บาท
วันราชการไม่เสียค่าพาหนะและค่าล่วงเวลา
- ค่าประกันภัยรถขณะที่ใช้อยู่ใน สปป.ลาว ประมาณคันละ 600-700
บาท
- ค่าผ่านสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น
ข้ามแม่น้ำโขงจากเมืองเก่าโพนทอง เข้าสู่เมืองปากเซ
ประมาณคันละ 20 บาท ต่อคัน เมื่อเดินทางไปถึงเมืองปากเซ
ให้นำเอกสารไปแจ้งเข้าเมืองที่แผนกจราจร
และที่ทำการแขวงจำปาสัก เมื่อเดินทางกลับให้นำเอกสารชุดเดิม
ไปแจ้งขออนุญาตออกนอกเมืองที่แผนกจราจร
มิฉะนั้นต้องเสียค่าปรับ ตั้งแต่ 100-500 บาท
- ข้อปฏิบัติเมื่อเดินทางกลับมาถึงพรมแดนช่องเม็ก
นำเอกสารผ่านแดนที่มีใบสลักหลังของแผนกจราจร
และที่ทำการอำเภอยื่นให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร (ลาว)
เพื่อขอคืนเอกสารการเดินทาง นำเอกสารการเดินทาง
มายื่นที่เจ้าหน้าที่พรมแดนช่องเม็ก
และด่านศุลกากรไทยเพื่อตรวจสอบหลักฐานและจำนวนคน
นำเอกสารเดินทาง
มายื่นต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง
การผ่านแดน ณ
จุดผ่อนปรน
ด้านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
- บ้านสองคอน หมู่ที่ 1 ต.สองคอน อ.โพธิ์ไทร
- บ้านด่านเก่า หมู่ที่ 1 ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม
- บ้านหนองแสง หมู่ที่ 6 (บริเวณช่องตาอู) ต.โพนงาม อ.บุณฑริก
ด้านประเทศกัมพูชา
- บ้านน้ำยืน หมู่ที่ 6 (บริเวณช่องอานม้า) อ.น้ำยืน
ห้วงเวลาการอนุญาตเข้า-ออก ตั้งแต่เวลา 09.00 น. -15.00 น.
ขอบเขตการอนุญาต
อนุญาตให้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าอุปโภคบริโภค
ที่ไม่ต้องห้ามทางกฎหมายอื่นใด
หรือตามที่ราชการของแต่ละประเทศกำหนด และการทำกิจกรรมทางศาสนา
วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี
และกิจกรรมที่สามัคคีดีงามของประชาชน
บุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาหรือออกไป
จะต้องเดินทางกลับภายใน 1 วัน ยกเว้นการเข้ามาเพื่อเยี่ยมญาติ
รักษาพยาบาล ผ่อนผันให้อยู่ได้เกิน 1 วัน
และไม่เกินเขตอำเภอนั้นๆ
ระเบียบการการนำยานพาหนะออกต่างประเทศ
และนำกลับเข้ามาในราชอาณาจักร ด่านชายแดนช่องเม็ก
จังหวัดอุบลราชธานี
ในการจะนำยานพาหนะออกนอกราชอาณาจักร กรุณาเตรียมเอกสาร
พร้อมคำร้องขอนำยานพาหนะออกนอกราชอาณาจักร
ยื่นเรื่องกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ดังนี้
กรณีเจ้าของรถเป็นบุคคลธรรมดาและไปเที่ยวเอง
ยื่นคำร้องขอนำยานพาหนะออกไปต่างประเทศ ตามแบบกรมศุลกากร
พร้อมหลักฐาน ดังนี้
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ (ตัวจริง)
- สำเนาเอกสาร หน้าผู้ถือกรรมสิทธิ์ จำนวน 3 ชุด
- สำเนาหน้ารายการเสียภาษี จำนวน 3 ชุด
- สำเนาบัตรประชาชนผู้ถือกรรมสิทธิ์ จำนวน 3 ชุด
กรณีเจ้าของรถเป็นบุคคลธรรมดา แต่ไม่ได้ไปเที่ยวเอง
ยื่นคำร้องขอนำยานพาหนะออกไปต่างประเทศ ตามแบบกรมศุลกากร
พร้อมหลักฐาน ดังนี้
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ (ตัวจริง)
- ใบมอบอำนาจตัวจริง ติดอากรแสตม์ 10 บาท
- สำเนาใบมอบอำนาจ จำนวน 2 ชุด
- สำเนาเอกสาร หน้าผู้ถือกรรมสิทธิ์ จำนวน 3 ชุด
- สำเนาหน้ารายการเสียภาษี จำนวน 3 ชุด
- สำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจ จำนวน 3 ชุด
- สำเนาบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 3 ชุด
กรณีเจ้าของรถเป็นนิติบุคคล
ยื่นคำร้องขอนำยานพาหนะออกต่างประเทศ พร้อมด้วย
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ (ตัวจริง)
- ใบมอบอำนาจตัวจริง ติดอากรแสตม์ 10 บาท
- สำเนาใบมอบอำนาจ จำนวน 2 ชุด
- สำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล จำนวน 3 ชุด
- สำเนาเอกสาร หน้าผู้ถือกรรมสิทธิ์ จำนวน 3 ชุด
- สำเนาหน้ารายการเสียภาษี จำนวน 3 ชุด
- สำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจ
(ตามหนังสือรับรองนิติบุคคล) จำนวน 3 ชุด
- สำเนาบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 3 ชุด
หมายเหตุ
- ยื่นคำร้องและนำรถไปตรวจสอบที่ด่านศุลกากรช่องเม็ก เวลา
08.00-18.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ
- เมื่อนำรถเข้าไป สปป.ลาว ต้องจ่ายค่าทำประกันภัย
ค่านำรถเข้าลาว ฯลฯ ประมาณ 400 บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
- ด่านพรมแดนช่องเม็ก โทร.045-485031
- ด่านศุลกากรพิบูลมังสาหาร โทร.045-444013
ระเบียบการการทำพาสปอร์ตรถ
นำรถเข้าลาว ต้องทำพาสปอร์ตรถ นายกนก ศิริพานิชกร
ขนส่งจังหวัดอุบลฯ ได้กล่าวถึงการดำเนินการด้าน
"การขนส่งทางถนน ระหว่าง
ประเทศไทย-ลาว" ภายหลังที่ทั้ง 2
ประเทศมีโครงการร่วมกันมาก่อนหน้า พร้อมมีการดำเนินการร่วมกัน
กล่าวคือ รถทุกชนิดที่เดินทางสัญจร
ไปมาใน สปป.ลาว รถทุกคันต้องมีหนังสือเดินทาง (หรือพาสปอร์ต)
ประจำรถคันนั้นๆ เพื่อตรวจสอบได้อยู่ตลอดเวลา พร้อมกับติดสติก
เกอร์
เป็นภาษาอังกฤษตัวT ที่ย่อมาจากคำว่า "ไทยแลนด์"
ติดอยู่ที่กระจกด้านหน้าคนขับ
แบบเห็นชัดเจนที่รถทุกคันต้องปฏิบัติเหมือนกันหมด
โดยหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตประจำรถนี้
เจ้าของรถมาติดต่อขอทำได้ที่ ที่ทำการขนส่งจังหวัด 2
ถนนเลี่ยงเมือง ในเวลาราชการ
โดยมีหลักฐานดังนี้
เอกสารประกอบคำขอหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศฯ ไทย-ลาว
(ชั่วคราว)
1. กรณีบุคคลธรรมดา
- สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนารายการจดทะเบียนรถและหน้ารายการชำระภาษี
- หนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของรถ (กรณีที่เจ้าของไม่มาด้วยตนเอง)
- ยื่นคำขออื่นๆ
2. กรณีห้างหุ้นส่วนฯ บริษัทฯ และบริษัทจำกัดมหาชน
- หนังสือรับรองบริษัท/ห้างฯ
-
สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของกรรมการผู้จัดการที่มีอำนาจ
- สำเนารายการจดทะเบียนรถและหน้ารายการชำระภาษี
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีที่ไม่มาด้วยตนเอง)
- ยื่นคำขออื่น ๆ
รายการเอกสารแสดงความประสงค์จะทำการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างไทย-ลาว
การประกอบการขนส่งระหว่างประเทศ ประเภทการขนส่งไม่ประจำทาง
1. สำเนาหรือภาพถ่าย ใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถ
ที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของ
2. เอกสาร/หลักฐาน ประกอบคำขอรับใบอนุญาต
ประกอบการขนส่งระหว่างประเทศ ประเภทการขนส่งไม่ประจำทาง
ดังต่อไปนี้
บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด
1. หนังสือรับรองการจดทะเบียน วัตถุประสงค์
และกรรมการของบริษัททุกคน ซึ่งรับรองไว้ไม่เกินหกเดือน
2. รายชื่อกรรมการของบริษัททุกคน
3. สำเนาหรือภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน
หรือบัตรประจำตัวของบุคคล
ซึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนตามกฎหมาย
ว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชนหรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของกรรมการของ
บริษัททุกคน
4. สำเนาหรือภาพถ่ายทะเบียนบ้านของกรรมการของบริษัททุกคน
5. รายชื่อและสัญชาติของผู้ถือหุ้นทุกดน
และจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคนถือ
6. สำเนาหรือภาพถ่ายหนังสือบริคณห์สนธิ และข้อบังคับของบริษัท
7. ตัวอย่างรอยตราประทับของผู้ยื่นคำขอ 2 ตรา (ถ้ามี)
8. ตัวอย่างเครี่องหมายประจำรถ
9. รูปถ่ายสำนักงานและสถานที่เก็บรถขนาด 7.60X12.70 เชนติเมตร
ซึ่งถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือน อย่างละ 2 รูป
10. หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ หรือสิทธิการใช้สถานที่เก็บรถ
11. หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองรถ
หนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ และเครื่องหมายแสดงประเทศ
ให้มีลักษณะรูปแบบ ขนาดและข้อความเป็นรูปตัว T
ติดไว้หน้าและหลังรถ โดยที่หนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต
ประจำรถนี้ มีรูปร่างคล้ายพาสปอร์ตของคนเราทั่วไป
ด้านหน้าปกมีตราครุฑสีดำ มีอยู่ 3 แบบแตกต่างกัน
แบบที่ 1
เป็นเล่มสีเขียว
สำหรับรถที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522
คือเป็นรถขนาดใหญ่รถบรรทุกต่างๆ รถสิบล้อ - รถขนส่งน้ำมัน -
รถทัวร์ - รถโดยสารที่มีเลขนำหน้า 30 -
รถบรรทุกไม่ประจำทางที่มีเลขนำหน้าว่า 70 เป็นต้น
โดยผู้ที่ยื่นขอในแบบที่ 1 เล่มเขียวนี้
ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ และตามปกติ
การขอต้องส่งเรื่องให้ทางกรมการขนส่ง (กรุงเทพๆ)
เป็นผู้อนุมัติเป็นรายๆ ไป
แบบที่ 2
เป็นเล่มสีม่วง สำหรับที่จดทะเบียนตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522
คือ รถส่วนบุคคลทั่วไป ที่มีเลขนำหน้าว่า 80
หรือรถส่วนตัวทั่วไป - รถปิคอัพ - รถตู้ - รถเก๋ง
ต้องเสียค่าธรรมเนียมปีละ 55 บาท
แบบที่ 3
เป็นสีฟ้า สำหรับรถของคณะผู้แทนทางการฑูต คณะผู้แทนทางกงสุล
องค์การระหว่างประเทศ หรือทบวงการชำนาญพิเศษแห่งสหประชาชาติ
ในงานราชการ โดยที่ผู้มาติดต่อขอทำเรื่องดังกล่าวนี้
จะใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็แล้วเสร็จ แบบรอรับกลับไปได้เลย
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
สนง.ขนส่ง จังหวัดอุบลๆ โทร. 045-315346-9
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.guideubon.com/
|